Home » ปัจจัยสำคัญในการเลือกไมโครโฟนสำหรับห้องประชุม

ปัจจัยสำคัญในการเลือกไมโครโฟนสำหรับห้องประชุม

by Bonnie Parker
30 views
1.ปัจจัยสำคัญในการเลือกไมโครโฟนสำหรับห้องประชุม

การเลือกไมโครโฟนที่เหมาะสมสำหรับห้องประชุมมีความสำคัญมากเพื่อให้การประชุมเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ ปัจจัยหลายประการต้องพิจารณาอย่างละเอียดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดทั้งในเรื่องของคุณภาพเสียงและประสิทธิภาพในการรับเสียง 

1. ขนาดห้อง

  • ห้องขนาดเล็ก (ไม่เกิน 200 ตารางฟุต) : เลือกใช้ไมโครโฟนตั้งโต๊ะแบบทิศทางเดียว เช่น Shure MX393/C มีระยะรับเสียงประมาณ 2-3 ฟุต เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการประชุมที่นั่งใกล้กัน
  • ห้องขนาดกลาง (200-400 ตารางฟุต) : ไมโครโฟนแบบเพดาน เช่น ClearOne Ceiling Array Analog-X ให้การครอบคลุมที่เหมาะสม ควรติดตั้งที่ความสูงตามสัดส่วนของขนาดของห้อง ซึ่งโดยทั่วไปจะสูงกว่าพื้นดินประมาณ 8-10 ฟุต
  • ห้องขนาดใหญ่ (400+ ตารางฟุต) : ไมโครโฟนติดเพดาน Biamp Parlé TCM-X ครอบคลุมรัศมีประมาณ 6-8 ฟุตต่อไมโครโฟนหนึ่งตัว ขึ้นอยู่กับความสูงของเพดาน

2. ประเภทไมโครโฟนและเทคโนโลยี

การเลือกไมโครโฟนที่เหมาะสมสำหรับห้องประชุมมีความสำคัญมากเพื่อให้การประชุมเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ ปัจจัยหลายประการต้องพิจารณาอย่างละเอียดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดทั้งในเรื่องของคุณภาพเสียงและประสิทธิภาพในการรับเสียง ดังนี้คือปัจจัยสำคัญที่ต้องคำนึงถึงในการเลือกไมโครโฟนสำหรับห้องประชุม:

  • ไมโครโฟนคอห่าน : สำหรับโต๊ะในห้องประชุม AKG CGN321 STS มีระยะรับเสียงประมาณ 12-18 นิ้ว เหมาะสำหรับที่นั่งเดี่ยวๆ
  • ไมโครโฟนฝังโต๊ะ : ในพื้นที่รวมขนาดเล็ก Audio-Technica AT8699R มีประสิทธิภาพ โดยมีรูปแบบการรับเสียงแบบครึ่งวงกลมครอบคลุมรัศมีสูงสุด 2 ฟุต
  • ไมโครโฟนชนิดเพดาน : Shure MXA910 สามารถครอบคลุมรูปแบบห้องได้หลากหลาย และปรับทิศทางได้ ตัวรับเสียงแต่ละตัวภายในไมค์สามารถรับเสียงโดยตรงจากบริเวณที่นั่งที่กำหนดเพื่อให้ได้เสียงที่มีประสิทธิภาพสูงสุด

3. การเชื่อมต่อ

  • แบบมีสายและไร้สาย : ระบบไร้สายเช่น Sennheiser TeamConnect Wireless ให้ความยืดหยุ่นในการใช้งานอย่างมาก แต่ต้องระวังเรื่องของแบตเตอรี่ ในขณะเดียวกัน ไมโครโฟนแบบมีสาย เช่น Beyerdynamic Classis BM 53 USB มีข้อดีตรงที่ความสเถียรและไม่ต้องกังวลเรื่องแบตเตอรี่
  • ความเข้ากันได้ของระบบ : ตรวจสอบความเข้ากันได้กับระบบต่างๆ เช่น Zoom, Skype for Business หรือ Microsoft Teams ตัวอย่างเช่น Polycom SoundStructure C8 สามารถเข้ากันได้กับแพลตฟอร์มการประชุมต่างๆ ได้อย่างราบรื่นเนื่องจากออกแบบมาเพื่อการประชุมทางวิดิโอโดยเฉพาะ

4. การตอบสนองต่อย่านความถี่

ไมโครโฟนควรมีช่วงตอบสนองความถี่ที่จับเสียงของมนุษย์ได้อย่างชัดเจน โดยทั่วไปจะอยู่ระหว่าง 100 Hz ถึง 15 kHz ตัวอย่างเช่น ไมโครโฟน Yamaha Elite Gooseneck มีการตอบสนองความถี่ที่ 70 Hz ถึง 15 kHz

นอกจากนี้ sensitivity ก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นเดียวกัน ประมาณ –28 dBV/Pa  ช่วยให้มั่นใจได้ว่าบันทึกเสียงได้ชัดเจนโดยไม่มีเสียงรบกวนรอบข้างมากเกินไป

5. ทิศทางและรูปแบบการรับเสียง

  • ไมโครโฟนรอบทิศทาง : เหมาะสำหรับห้องขนาดเล็กที่มีผู้พูดอยู่รอบห้อง เช่น Audio-Technica U851R ซึ่งมีรูปแบบการรับเสียง 360 องศา
  • ไมโครโฟนแบบคาร์ดิออยด์ : เหมาะสำหรับห้องขนาดกลาง เช่น Shure MX418D/C โดยเน้นที่แหล่งกำเนิดเสียงที่ด้านหน้าไมโครโฟน ช่วยลดเสียงรบกวนรอบข้าง
  • เทคโนโลยีบีมฟอร์มมิ่ง : สำหรับห้องประชุมขนาดใหญ่ ไมโครโฟนบีมฟอร์มมิ่งอย่าง ClearOne Beamforming Microphone Array 2 จะเน้นไปที่ผู้พูดเป็นพิเศษ เพื่อเพิ่มความชัดเจนของคำพูด

6. การลดเสียงรบกวนและการลดเสียงสะท้อน

DSP (การประมวลผลสัญญาณดิจิทัล) มีความสำคัญ ตัวอย่างเช่น Biamp TesiraFORTÉ AI มีระบบตัดเสียงก้องและการลดเสียงรบกวนขั้นสูง ซึ่งจำเป็นสำหรับห้องขนาดใหญ่ที่มีระบบเสียงที่แตกต่างกัน

เทคโนโลยีการป้องกันเสียงก้องถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับห้องที่มีพื้นผิวแข็ง มองหาไมโครโฟนที่มี AEC (Acoustic Echo Cancellation) ในตัว เช่น Polycom HDX Ceiling Microphone Array

7. ข้อควรพิจารณาในการติดตั้งและความสวยงาม

3.ข้อควรพิจารณาในการติดตั้งและความสวยงาม

ไมโครโฟนติดเพดานควรมีความเป็นทางการและมีฟังก์ชั่นการใช้งานที่เหมาะสม แต่ก็ต้องสามารถเข้าถึงได้ง่ายเพื่อการบำรุงรักษา เช่น Bose EdgeMax EM180 ซึ่งมาพร้อมกับดีไซน์เพรียวบาง ฝังเข้ากับเพดานแล้วดูไม่รกหูรกตา

สำหรับไมโครโฟนแบบตั้งโต๊ะ ให้พิจารณาจากการออกแบบและความเรียบร้อยของสายเคเบิล Revolabs FLX UC 500 มาพร้อมกับขนาดที่กะทัดรัดและหรูหราโดยตัวอุปกรณ์มีสายเคเบิลเพียงเล็กน้อยทำให้มีความเรียบร้อย 

8. ความสามารถในการขยายเสียงและความยืดหยุ่น

ในห้องที่ตำแหน่งของผู้พูดไม่แน่นอน หรือสภาพแวดล้อมของห้องไม่แน่นอน ให้เลือกอุปกรณ์ที่ปรับขนาดได้ เช่น Sennheiser TeamConnect Ceiling 2 ซึ่งสามารถปรับให้เข้ากับรูปแบบห้องต่างๆ

9. ความทนทานและความน่าเชื่อถือของแบรนด์

การทำงานระดับมืออาชีพ ควรลงทุนในไมโครโฟนจากแบรนด์ที่มีชื่อเสียงในด้านความทนทาน Audio-Technica ES947/LED ขึ้นชื่อในด้านโครงสร้างที่แข็งแกร่งและใช้งานได้ยาวนาน

นอกจากนี้ ควรตรวจสอบการรับประกันและบริการต่างๆ เช่น Shure และ Sennheiser ให้การซัพพอร์ตและการรับประกันลูกค้าที่ค่อนข้างดี ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการทำงานระดับองค์กร

10. งบประมาณและความคุ้มค่า

กำหนดต้นทุนต่อพื้นที่ ตัวอย่างเช่น ค่าใช้จ่ายในการติดตั้งไมค์ฝังเพดานอย่าง Shure MXA910 ตัวเดียวอาจแพง แต่ครอบคลุมพื้นที่มากกว่าเมื่อเทียบกับไมโครโฟนตั้งโต๊ะหลายตัว ซึ่งจะคุ้มหรือไม่คุ้มก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆ เช่น การบำรุงรักษา การหาชิ้นส่วนซ่อมแซม อะไหล่ต่างๆ

หากคุณสนใจข้อมูลเกี่ยวกับไมโครโฟน (Microphones) เรามีผู้เชี่ยวชาญให้คำแนะนำเกี่ยวกับไมโครโฟนทุกประเภท รวมถึงการติดตั้งเครื่องเสียงได้ ให้คำแนะนำโดยไม่มีค่าใช้จ่าย เพื่อให้คุณสามารถเลือกไมโครโฟนที่เหมาะกับความต้องการของคุณ  นอกจากนี้ เรายังมีข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งานไมโครโฟนและการรับประกันสินค้า เพื่อให้คุณมั่นใจในการลงทุนในไมโครโฟนของคุณ คุณสามารถติดต่อเราเพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมและคำปรึกษาที่ตรงกับความต้องการของคุณ

เกี่ยวกับเรา

เว็บไซต์บทความ ที่เขียนขึ้นเพื่อเพิ่มความเข้าใจในความปลอดภัยในการทำงาน ด้วยข้อมูลที่เข้าถึงและเข้าใจได้ง่าย คุณจะได้รับข้อมูลใหม่ทุกวันเพื่อความมั่นใจในการทำงานของคุณ

บทความแนะนำ

Copyright @2023 – All Right Reserved. Designed and Developed by arpitaagarwal.net