การตอบรับยุคไทยแลนด์ 4.0 ซึ่งเน้นการขับเคลื่อนประเทศด้วยนวัตกรรมและองค์ความรู้มีความสำคัญอย่างมาก และคณะวิศวกรรมศาสตร์ ที่สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ได้โชว์นวัตกรรมที่ท้าทายและน่าประทับใจมากถึง 458 ชิ้น ในงานสถานที่ 44th International Exhibition and Invention of Geneva 2016 ณ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
ไม่เพียงแต่เป็นงานประกวดนวัตกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก แต่ยังเป็นเวทีที่เชื่อมโยงนักวิจัยและผู้สร้างนวัตกรรมจากทั่วโลกมารวมตัวในการแสดงงานของพวกเขา
เครื่องวัดความอ่อน–แก่ของทุเรียนด้วยคลื่นไมโครเวฟ
ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นโดยทีมวิจัยนำโดย ผศ.ดร.ศรวัฒน์ ชิวปรีชา อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมโทรคมนาคมและนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ สจล. นวัตกรรมนี้ได้รับความยอดเยี่ยมจากกรรมการประกาศรางวัลและมหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) และได้รับรางวัลเหรียญทองแดงในสาขานวัตกรรมอันดับหนึ่งในงานนี้ นอกจากนี้ เครื่องวัดความอ่อน–แก่ของทุเรียนด้วยคลื่นไมโครเวฟนี้ยังได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนระดับโลก โดยสำนักข่าว BBC ของอังกฤษได้ยกย่องให้เป็นหนึ่งใน 7 ของสิ่งประดิษฐ์ที่ดีที่สุดและน่าทึ่งของโลก “Seven of the Best and Weirdest New Inventions”
ผศ.ดร.ศรวัฒน์ ชิวปรีชา นักวิจัยและอาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมโทรคมนาคม คณะวิศวกรรมศาสตร์ สจล. กล่าวว่า ที่มาของงานวิจัยเนื่องจากทุเรียนได้ฉายาว่าเป็น “The King Of Fruits” เป็นผลไม้ที่มีคุณค่าทางอาหารและมีปริมาณส่งออกสูงถึง 381,470 ตัน คิดเป็นมูลค่าสูงกว่า 15,563 ล้านบาท (ข้อมูลปี 2015) ปัจจุบันทุเรียนไทยโดยเฉพาะพันธุ์หมอนทองเป็นที่นิยมทั้งคนไทยและนานาประเทศ จึงทำให้ตลาดการส่งออกทุเรียนไทยเติบโตขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ปัญหาคือชาวสวนและผู้ส่งออกทุเรียนไทยไม่สามารถทราบได้แน่ชัดว่าทุเรียนลูกไหนแก่หรืออ่อนเพียงใด เหมาะแก่การบริโภคหรือไม่ ต้องรอกี่วัน ปัจจุบันชาวสวนได้แต่ใช้วิธีการเคาะด้วยไม้ที่มีปลายหุ้มด้วยวัสดุยาง ซึ่งไม่แม่นยำ ทางทีมงานวิจัย คณะวิศวกรรมศาสตร์ สจล.จึงคิดค้นพัฒนา เครื่องวัดความอ่อน–แก่ของทุเรียนด้วยคลื่นไมโครเวฟ (Durian Maturity Inspection) ซึ่งจะช่วยคัดทุเรียนอ่อนออกจากคอนเทนเนอร์ส่งออก ลดปัญหาชาวสวนและผู้ส่งออกคัดทุเรียนอ่อนจำหน่ายและถูกตีกลับทั้งคอนเทนเนอร์จากประเทศคู่ค้าเมื่อมีการสุ่มตรวจเจอทุเรียนอ่อ่น สร้างความเสียหายจำนวนมหาศาล และบางครั้งผู้ส่งออกยังต้องเผชิญกับโทษรุนแรงทั้งจำคุกและเงินค่าปรับจากกฏหมายคุ้มครองผู้บริโภคที่เข้มงวดในต่างประเทศอีกด้วย คำว่า “อ่อน” หมายถึง ทุเรียนที่ไม่พร้อมต่อการบริโภค ทิ้งไว้อย่างไรก็ไม่แก่ที่จะทานได้ ส่วนทุเรียน “แก่” หมายถึง เมื่อทิ้งไว้อีกระยะก็จะสามารถสุกพร้อมรับประทานได้
การวิจัยเครื่องวัดความอ่อน–แก่ของทุเรียนด้วยคลื่นไมโครเวฟ (Durian Maturity Inspection) ผลงานของโครงการวิจัย “เซ็นเซอร์ไมโครเวฟเพื่อการเกษตร” ภายใต้ความควบคุมและความเป็นหัวหน้าโครงการของ ศ.ดร.โมไนย ไกรฤกษ์ จากภาควิชาวิศวกรรมโทรคมนาคม นำเสนอผลงานที่ได้ผ่านกระบวนการศึกษาและวิจัยอย่างแน่นหนาเป็นเวลาหลายปี เพื่อพัฒนาเครื่องวัดความอ่อน–แก่ของทุเรียนให้มีความเสถียรและค่าใช้จ่ายที่เหมาะสมสำหรับเกษตรกรทั่วไป
ใช้เทคโนโลยีคลื่นไมโครเวฟความถี่ 915 MHz และกำลังส่ง 10 มิลลิวัตต์
ใช้เสาอากาศ 2 ชุด คือ TR-Ant สำหรับรับสัญญาณและ TX-Ant สำหรับส่งสัญญาณ จุดวัดทุเรียนจะตั้งอยู่ตรงกลาง ซึ่งสามารถสแกนและวัดค่าได้อย่างรวดเร็วภายในไม่ถึง 1 วินาที และแสดงผลเป็นภาษาไทยอย่างชัดเจน ผลการศึกษาพบว่า ความอ่อน–แก่ของทุเรียนสามารถแบ่งออกเป็น 4 ระดับ
การใช้งานเครื่องวัดความอ่อน–แก่ของทุเรียนด้วยคลื่นไมโครเวฟหรือ Durian Maturity Inspection เป็นวิธีที่ง่ายและมีประสิทธิภาพในการประเมินความสุกแก่ของทุเรียน ไม่ว่าคุณจะเป็นคนทั่วไปหรือไม่ใช่ชาวสวน คุณก็สามารถทำได้โดยไม่ต้องกรีดผ่าดูทุเรียน ซึ่งไม่มีผลกระทบต่อคุณภาพของผลผลิตเลย
ขั้นตอนการใช้งาน
1. เริ่มต้นโดยการเลือกทุเรียนที่คุณต้องการวัดความสุกแก่ขึ้นมา และวางไว้บนแท่นเครื่องวัด
2. หลังจากนั้นกดปุ่ม “Calibrate” บนเครื่องวัด การกดปุ่มนี้จะส่งคลื่นไมโครเวฟผ่านทุเรียนไปยังสายอากาศตัวรับ
3. หลังจากการ Calibrate เสร็จสิ้นแล้ว กดที่ปุ่ม “Measure” ขณะที่คลื่นไมโครเวฟผ่านทุเรียน คลื่นไมโครเวฟจะถูกลดทอนลงและแปรผันไปตามความอ่อนหรือแก่ของทุเรียน
4. ข้อมูลที่ถูกวัดจะถูกส่งผ่านเครื่องส่ง–รับสัญญาณไปยังคอมพิวเตอร์ และจะแสดงผลบนหน้าจอให้คุณทราบผลทันที ถ้าผลวัดแสดงผลเป็น “PASSED” หมายถึง ทุเรียนมีความสุกแก่ ในทางกลับกัน ถ้าผลแสดง “FAILED” หมายถึง ทุเรียนยังไม่สุกเพียงพอ
เครื่องวัดความอ่อน–แก่ของทุเรียนด้วยคลื่นไมโครเวฟได้รับความนิยมในการใช้ในธุรกิจทุเรียน มีการใช้งานอย่างกว้างขว้าในผู้ส่งออกทุเรียน ผู้ประกอบการเกษตร และสำนักงานการเกษตรในหลายจังหวัด เช่น ชุมพร ระยอง จันทบุรี และสมุทรสาคร ที่ได้นำเครื่องนี้มาใช้งาน นอกจากการใช้งานในการวัดความสุกแก่ของทุเรียน ทีมวิจัยยังมีแผนที่จะพัฒนาเครื่องวัดความอ่อน–แก่ของทุเรียนด้วยคลื่นไมโครเวฟให้สามารถบอกได้ว่าทุเรียนที่แก่นั้นจะพร้อมรับประทานในอีกกี่วัน และนอกจากนี้ยังมีแนวคิดที่จะต่อยอดการพัฒนาไปใช้กับผลไม้อื่นๆ เช่น เมลอน โดยสามารถวัดระดับความหวานที่เหมาะสมในการบริโภคได้อร่อย
อนาคตยังมีแผนที่จะพัฒนาเครื่องวัดความอ่อน–แก่ของผลผลิตก่อนเก็บเกี่ยว (Pre-Harvest Inspection) และติดตั้งการใช้งานที่ต้นต้นทุเรียนโดยตรง เป็นแนวคิดที่สามารถเพิ่มคุณภาพและประสิทธิภาพในการเก็บเกี่ยวผลผลิตได้อีกด้วย
ทั้งหมดนี้เป็นผลงานที่น่าภาคภูมิใจของคนไทย ที่มีประโยชน์ในการส่งออกทุเรียนและผลไม้อื่นๆ ของไทย สิ่งนี้ยังเป็นตัวอย่างของสมาร์ทเทคโนโลยีที่มีราคาไม่สูง และใช้งานง่ายรวดเร็ว ทำให้ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการประเมินความสุกแก่และคุณภาพของผลผลิตของไทยในตลาดสากลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สามารถติดตามต่อได้ที่ : http://www.thailandindustry.com/indust_newweb/news_preview.php?cid=22309